หมีน้ำ หรือ ทาร์ดิเกรด สัตว์ที่มีความทรหดที่สุดในโลก

หมีน้ำ(Water bear)




หมีน้ำชื่อสามัญว่า ทาร์ดิกราดา (Tardigrada) หรือ ทาร์ดิเกรด (Tardigrade) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tardigrada ค้นพบโดย โยฮานน์ ออกุสต์ อิปพาเรียม เกิทเซอ ชาวเยอรมัน ในปี ค.ศ. 1773 โดยคำว่า "Tardigrades" มีความหมายว่า "ตัวเดินช้า" (Slow walker)

หมีน้ำมีขา 8 ขา มีเล็บที่แหลมคม มีสีสันแตกต่างหลากหลายออกไป มีขนาดเล็กจนแทบมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เมื่อโตเต็มที่มีขนาดเพียง 1.5 มิลลิเมตร ส่วนตัวที่เล็กที่สุดมีขนาดเพียง 0.1 มิลลิเมตร ส่วนในช่วงตัวอ่อนมีขนาดเพียง 0.05 มิลลิเมตร เชื่อว่ามีมากกว่า 1,000 สปีชีส์ โดยมากเป็นพวกกินพืช ส่วนน้อยกินแบคทีเรีย และกินสัตว์ และสามารถพบได้ทั่วโลก



หมีน้ำได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่มีความทรหดที่สุดในโลก พบได้ตั้งแต่ที่ยอดเขาหิมาลัยที่ความสูงกว่า 6,000 เมตร จนถึงในทะเลลึกถึง 4,000 และยังสามารถพบได้ตามทราย, ชายหาด, พื้นดิน, แร่ธาตุ และในตะกอนน้ำ อยู่ได้ในที่ ๆ มีแรงดันสูงถึง 6,000 บรรยากาศ ซึ่งแรงดันปกติที่มนุษย์อยู่ทุกวันนี้คือแรงดันบรรยากาศ มีค่าเท่ากับ 1 บรรยากาศเท่านั้น



นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นสัตว์ที่ทนต่อรังสีต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้งรังสียูวีและสารเคมีต่าง ๆ และสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในที่มีอุณหภูมิ 151 (304 องศาฟาเรนไฮต์) ถึง -272 องศาเซลเซียส (-458 องศาฟาเรนไฮต์) (ได้ประมาณ 1 นาที) และสามารถอดน้ำได้นานถึง 200 ปี และถึงแม้ว่าจะถูกปล่อยให้แห้งตายนานกว่า 100 ปี ก็สามารถฟื้นกลับมามีชีวิตได้หากได้น้ำ

ล่าสุดทีมนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นและมหาวิทยาลัยเอดินบะระของอังกฤษ ได้รายงานการศึกษาดังกล่าวในวารสาร PLOS Biology ถึงการพบกลไกทางพันธุกรรมอีกอย่างหนึ่งในตัวหมีน้ำ ซึ่งช่วยให้มันจำศีลอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีน้ำ พบว่าสภาพแห้งแล้งจะกระตุ้นให้ยีนตัวหนึ่งของหมีน้ำสั่งการสร้างโปรตีนเข้าแทนที่น้ำในเซลล์ร่างกายที่ขาดหายไป ซึ่งจะช่วยรักษาเซลล์ในตัวของมันไว้ และเมื่อถึงเวลาที่หมีน้ำได้รับน้ำ น้ำจะไปละลายโปรตีนนี้และทำให้ร่างกายของหมีน้ำกลับเป็นปกติเหมือนฟื้นคืนชีพอีกครั้ง การค้นพบว่ายีนของหมีน้ำบางชนิดพันธุ์จะสั่งการให้ร่างกายผลิตน้ำตาล Trehalose ที่มีลักษณะคล้ายแก้วหลอมเข้าเคลือบรักษาส่วนสำคัญภายในเซลล์เช่นโปรตีนต่าง ๆ และผนังเซลล์ไม่ให้เสียหาย


ปัจจุบันยังไม่เป็นที่แน่ชัดกว่า หมีน้ำเกิดขึ้นครั้งแรกบนโลกตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ทว่าซากดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุในอยู่ช่วงกลางของยุคแคมเบรียน นับว่ามีความเก่าแก่กว่าไดโนเสาร์เสียอีก โดยจากงานวิจัยพบว่า ซากฟอสซิลของหมีนํ้าที่ค้นพบนั้น มีอายุนานถึง500 ล้านปีเลยทีเดียว


ที่มา


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม